ทําไม Rolex Oyster Moonphase ถึงเป็นที่ต้องการมากที่สุด
อย่างที่รู้กันดีว่า นาฬิกา rolex เป็นแบรนด์นาฬิกาข้อมือ ที่มีความนิยมมาก ในระดับของผู้ที่มีความพร้อมซื้อ ซึ่งเป็นแบรนด์ที่โด่งดังมานานตั้งแต่อดีต จนถึงปัจจุบัน Rolex รุ่น oyster Stelline 6062 ก็เป็นรุ่นที่หายากมาก และคุ้มค่ามากเช่นกัน
Rolex รุ่น Oyster Moonphase Star Dial เปิดตัวในช่วง 1950 ถือว่าในยุคนั้นมีความโดดเด่นมาก แต่เมื่อเทียบกับอายุในปัจจุบันแล้ว ถือว่ายาวนานมาก เป็นนาฬิกาที่มีค่าที่สุดของฤดูกาล
ปัจจุบัน นาฬิการุ่นนี้ มีหน้าปัดเพียงสองรุ่นเท่านั้น ที่รู้จักกันคือ ” Stelline ” ซึ่งมีการใช้เข็มเป็นรูปดาว และการออกแบบหน้าปัดด้วยตัวเลขอารบิก ในตำแหน่ง 3 และ 9 และเข็มเหลี่ยมเพชรพลอย ในรูปของลูกศร
นาฬิการุ่นนี้มีหน้าปัดที่ได้รับการออกแบบอย่างมืออาชีพ ตัวเรือนเยลโลว์โกลด์ 18k เส้นผ่านศูนย์กลาง 36 มม. หน้าปัดสีเงินพร้อมช่องสำหรับระบุวันเดือน และระยะของดวงจันทร์เข็มนาฬิกาโดฟีนสีทองส่องสว่างสายหนัง
สิ่งที่ทําให้ Rolex OYSTER MOONPHASE STAR DIAL SO CALLED “STELLINE” 18 KT YELLOW GOLD Ref. 6062 มีความพิเศษ คือ การออกแบบที่ผลิตมาอย่างจำกัด ถือว่าผลิตมาไม่กี่ร้อยเรือน ในช่วง 10 ปี และด้วยตัวเรือนทองคำ 18k พร้อมกับกับการออกแบบที่น่าสนใจอย่างมาก
Rolex OYSTER MOONPHASE STAR DIAL SO CALLED “STELLINE” 18 KT YELLOW GOLD Ref. 6062 มีชื่อเล่นว่า The Dark Star เป็นนาฬิกาที่หายากมาก ซึ่งถูกจำหน่ายในวันที่ 6 ธันวาคม ที่นิวยอร์ก โดยมีการประเมิน $ 1,000,000 – 2,000,000
ประวัติความเป็นมาของการอ้างอิง Rolex 6062
นาฬิการุ่นนี้ เปิดตัวในงาน Basel Fair ในปี 1950 เป็นหนึ่งในสองรุ่นของ Rolex ที่มีการออกแบบด้วยหน้าปัดซ้อนกันถึง 3 ชั้นมีหน้าปัดที่สามารถป้องกันความชื้น และฝุ่นละออง ตัวเรือน Oyster มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง ประมาณ 36 มม. ที่ได้สัดส่วนอย่างสวยงาม เช่นเดียวกันกับนาฬิกา Rolex รุ่นวินเทจอื่น ๆ แต่ยังไม่ทราบจำนวนที่ผลิตแน่ชัดว่า ผลิตมามากแค่ไหน แต่นักวิชาการด้านนาฬิกาคาดว่า มีจำนวนจะอยู่ที่ประมาณ 350 เรือน ซึ่งถือว่าน้อยว่ารุ่นที่ถูกผลิตออกมาจำกัดมาก
โดยรุ่นนี้ประกอบไปด้วยโลหะหลายชนิด ได้แก่ เหล็กกล้า ทองคำเหลือง และทองคำชมพู เป็นต้น มีหน้าปัดยังแสดงฟังก์ชั่นต่าง ๆ ชั่วโมง นาที วินาที วันที่ ดวงจันทร์ และเครื่องหมายแสดงเวลาแบบอื่น ๆ หน้าปัดซึ่งเป็นส่วนเชื่อมประสานระหว่างผู้สวมใส่และระบบกลไกของนาฬิกา ต้องเป็นแหล่งรวมข้อมูลทั้งหมดที่ได้จากเข็มแสดงเวลา และช่องขนาดต่างๆ กันภายในพื้นที่เล็กมาก ขณะที่ต้องเคารพเงื่อนไขเรื่องความสามารถในการอ่านและความงดงามอย่างเคร่งครัดมีหน้าปัดสีเงินด้านพร้อม ประกอบด้วย เข็มนาฬิกาโดฟีนสีทองส่องสว่าง พร้อมสายข้อมือหนัง เป็นนาฬิกาเรือนที่สวยมากที่สุดเช่นกัน
เป็นคอลเลกชัน ที่มีการออกแบบได้อย่างลงตัว และ มาตรฐานระดับสูงในเรื่องความสมบูรณ์แบบ และ แนวคิดที่คำนึงถึงการสืบทอดวิถีของการผลิตนาฬิกาในรูปแบบอันไร้กาลเวลา เส้นสายของนาฬิกา รุ่น Stelline ได้รับการออกแบบ ให้มีความสุขุมและประณีตบรรจง วัสดุที่ใช้มีคุณภาพสูง และ ได้รับการรังสรรค์อย่างงดงาม ทุกรายละเอียด คำนึงถึงศิลปะของการทำนาฬิกา
Rolex Stelline จารึกความสำเร็จ ในการพัฒนานาฬิกาที่งดงามเหนือระดับ ตอกย้ำการครองอันดับความเป็นสุดยอดของความหายาก และ ความสวยที่ทรงเกียรติภูมิมากที่สุดของโลก การเปิดตัวผลงานแสดงเวลาของวงโคจรแห่งดวงจันทร์ ได้รับการรอคอยมานานนับหลายทศวรรษ ซึ่งการผลิตเรือนเวลาพร้อมวงโคจรแห่งดวงจันทร์ของ Rolex นี้ได้มีขึ้นครั้งสุดท้ายในช่วงทศวรรษ 1950 โดย Stelline คือ ผลลัพธ์ของการค้นคว้ามาเป็นระยะเวลายาวนานหลายปี รวมถึงนวัตกรรม การสร้างต้นแบบจำลอง และ การทดลองเพื่อความน่าเชื่อถือ และ ความทนทาน
เส้นของตัวเรือนได้รับการเก็บรักษาไว้อย่างดีเยี่ยมทั้งที่ด้านบนของตัวเรือน และด้านหลัง ซึ่งยังคงผิวแบบซาตินดั้งเดิมไว้ ตัวเลขที่อยู่ระหว่างสลักมีความคมชัดอย่างน่าทึ่ง และ รูเข็มบนสร้อยข้อมือก็เช่นกัน ซึ่งเป็นข้อพิสูจน์ว่านาฬิกาแทบไม่ได้สวมใส่ เห็นตราสัญลักษณ์สีทองที่ด้านหลัง ของตัวดึงด้านขวาบน
ตัวเรือนด้านในบางส่วนที่ผลิตก่อนปี 1953 มีการแกะสลักด้านข้าง Montres SA Rolex พิเศษ สินค้าเหล่านี้ยังคงอยู่ในสินค้าคงคลังเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงที่อยู่ของ บริษัท ในปี 2496 แลเปลี่ยนชื่อเป็น Montres Rolex SA in Geneva
การเพิ่มความหายากของนาฬิการุ่นนี้ คือ เม็ดมะยม เม็ดมะยมสองแบบมีให้เห็นในข้อมูลอ้างอิง 6062 – Super-Oyster และ Twin – Lock จากการตรวจสอบอย่างใกล้ชิด Super-Oyster ในตัวอย่างนี้จะมีการผสมข้ามระหว่าง Super และ Oyster ซึ่งเพิ่มเข้ามาหลังจากที่มงกุฎ ได้รับการจดสิทธิบัตรแล้ว