เปิดตัวครั้งแรกในปี 1956 Rolex Day – Date ถือเป็นนาฬิกาข้อมือโครโนมิเตอร์เรือนแรก ที่มีคุณสมบัติกันน้ำ และไขลานอัตโนมัติ มาพร้อมกับปฏิทินทันสมัย และการแสดงวันสะกดแบบเต็มของสัปดาห์ในหน้าต่างบนหน้าปัด นอกเหนือจากการแสดงวันที่
Rolex Day – Date ที่มาสุดแสนจะเรียบง่าย
เมื่อในปี 1945 Rolex เปิดตัว Datejust นาฬิการะบบออโต้รุ่นแรก ที่มีฟังก์ชั่นบอกวันที่ ณ ตำแหน่ง 3 นาฬิกา แต่ดูเหมือนว่า Rolex ต้องการมากกว่านั้น เพื่อรากเหง้าที่มีเอกลักษณ์ และดูหรูหราตั้งแต่ต้น คอลเลคชั่น Day – Date นาฬิกาที่มีวันที่ และวันแสดงบนหน้าปัด จึงถือกำเนิดขึ้นในปี 1956 และดำรงตำแหน่งเรือธง ของแบรนด์ตั้งแต่นั้นมา
1956 : Rolex Day – Date Ref. 6511 และ Ref. 6510 Yellow gold 18K สองรุ่นแรก
Rolex Day – Date นั้นถือเป็นนาฬิการุ่นแรก ที่สามารถบอกได้ทั้งวันที่และวัน ตรงตำแหน่ง 3 และ 12 นาฬิกา โดยรุ่นแรกคือ Ref. 6511 ขอบหยัก และ Ref. 6510 ขอบเรียบ ซึ่งทั้งคู่นั้นใช้ Cal. 1055 ความพิเศษของเรือธงตระกูลนี้อยู่ที่ การมีเครื่องเฉพาะเป็นของตัวเอง เป็นผลจากฟังก์ชั่นที่ไม่เหมือนใคร และมีขนาด 36 มิลลิเมตร เท่านั้น รูปลักษณ์คล้ายกับ Datejust มากพอสมควร อย่างไรก็ตาม Day – Date เป็นรุ่นที่เกิดมาเพื่อแสดงถึงความหรูหรา ตัวเรือนจึงทำจากโลหะมีค่าเท่านั้นอย่างทองคำ 18K ทั้ง Yellow gold, White gold, Rose gold และ แพลทตินัม แถมยังโดดเด่นเรื่องสายนาฬิกา ที่ในภายหลังถูกตั้งชื่อว่า “ President ” เมื่อมีบุคคลสำคัญอย่างประธานาธิบดี ของสหรัฐอเมริกาเป็นผู้สวมใส่ จึงเกิดความนิยมในหมู่มาก และความพิเศษของสายนาฬิการุ่นนึ้ คือจะใช้เฉพาะกับ Day – Date เท่านั้น รวมถึง Lady Datejust ด้วยหากเป็นรุ่นที่ทำจากทองคำ
อย่างไรก็ตาม ด้วยข้อบกพร่องของ Cal. 1055 ที่ระบบเปลี่ยนวันที่ และวัน นั้นเกิดส่งผลต่อการทำงาน ของระบบโดยรวม ทำให้ Day – Date รุ่นแรกทั้ง Ref. 6510 และ Ref. 6511 มีอายุไขเพียง 1 ปีก็ถูกแทนที่ด้วย Ref. 6611 ในปี 1957 ซึงก็ยังคงใช้เครื่องเดิม แต่มีการปรับปรุงเสริมประสิทธิภาพด้วยการใช้ Free Sprung Balance แถมยังมีการผลิตรุ่นที่เป็นสแตนเลสสตีลเป็นครั้งแรก และครั้งเดียว ขัดกับภาพลักษณ์ของ Day – Date ที่ขึ้นชื่อเรื่องตัวเรือนทำจากโลหะมีค่า โดยผลิตมาเพียง 6 เรือนจึงกลายเป็นของหายากอย่างไม่ต้องสงสัย ถึงจะเป็นเช่นนั้น รุ่นนี้ก็อยู่ในไลน์การผลิตสั้นพอ ๆ กับรุ่นแรก เพราะเพียง 2 ปีก็ต้องบอกลาตลาดไป
Day – Date รุ่นที่ 3 กับเครื่องเรือน รุ่นใหม่ที่ลงตัว
ในปี 1960 Rolex Day – Date เปิดตัวซีรี่ส์ใหม่คือ Ref. 180X เลขรุ่น 4 หลักจะเปลี่ยนเลขตัวท้ายตามแต่วัสดุที่ใช้ โดยรุ่นที่นิยมที่สุดของตระกูลนี้คือ Ref. 1803 มากับ Cal. 1555 กลไกใหม่ล่าสุด ณ.ปีนั้น เพิ่มความถี่จาก 18,000 vph มาเป็น 19,600 vph และเปลี่ยนเข็ม Alpha ทรงใบไม้อย่างตัวต้นแบบมาเป็นเข็มตรงแทน ถัดมาในปี 1965 ก็มีการเปลี่ยนเครื่องเรือนเป็น Cal. 1556 และได้พัฒนาให้มีกลไก Hacking Mechanism ภายหลัง ในปี 1972 กล่าวคือ เมื่อดึงเม็ดมะยมออกเพื่อตั้งเวลา เข็มวินาทีจะหยุดเดินเพื่อให้การตั้งเวลาแม่นยำมากขึ้น นอกจากนี้ Ref. 1803 ยังเป็นเครื่องเรือน รุ่นสุดท้ายที่มีหน้าปัด Pie – Pan หมายถึงขอบของหน้าปัด ที่เว้าลึกลงไป ส่วนรุ่นหลัง ๆ จะมีหน้าปัดเรียบเสมอกันทำให้ดูมีขนาดใหญ่ขึ้นแม้ว่ายังคง 36 มิลลิเมตร เท่าเดิม นอกจากนี้ ช่องแสดงวันตรง 12 นาฬิกาจะมีทั้งหมด 24 ภาษา แต่ปัจจุบันมีถึง 26 ภาษาแล้ว
ปัจจุบันนาฬิการุ่น Day – Date ประกอบไปด้วยกลไกการทำงานของ calibre 3255 รุ่นใหม่ ที่ได้รับการพัฒนา และผลิตขึ้นเองทั้งหมดโดย Rolex เพื่อสมรรถนะอันเป็นเลิศ กลไกไขลานอัตโนมัตินี้ถือเป็นเรือธง ของวงการศิลปะการผลิตนาฬิกา จากการสาธิตเทคโนโลยีของ Rolex ที่ผ่านการจดสิทธิบัตรมาแล้วถึง 14 ฉบับ กลไกดังกล่าวนำเสนอ ทั้งในเรื่องของความเที่ยงตรง การสำรองพลังงาน การทนทานต่อแรงกระแทก และสนามแม่เหล็ก รวมถึงสามารถใช้งานได้ง่าย และมีความน่าเชื่อถือได้
การออกแบบ ( Design ) สัญลักษณ์แห่งเกียรติภูมิ
– หน้าปัด ( Dial )
ขอบหน้าปัดขนาด 36 มิลลิเมตร ใช้เทคนิคการเสาะขึ้นลงเป็นร่อง แบบเรียบ หรือแบบล้อมเพชร ที่ผ่านการจัดเรียงอย่างงดงาม ประดับเพชรเจียระไน ทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ที่ตำแหน่ง 6 นาฬิกาและ 9 นาฬิกา ทำให้เด่นสะดุดตา ด้วยอัญมณีแสนล้ำค่า คือส่วนประกอบที่มีความเป็นเอกลักษณ์ในนาฬิกาของ Rolex ซึ่งความโดดเด่นนี้ช่วยในเรื่องของ อัตลักษณ์ และความสามารถในการอ่าน พร้อมด้วยคุณลักษณะพิเศษ มาร์คเกอร์ชั่วโมงที่ทำจากทองคำ 18 กะรัต เพื่อป้องกันความหมอง หน้าปัดของนาฬิกา Rolex ทุกเรือนได้รับ การออกแบบ และผลิตเป็นการภายใน รังสรรค์ด้วยมืออย่างประณีต เพื่อรับประกันความสมบูรณ์แบบ
– สายนาฬิกา ( Watch strap )
ตัวของสายนาฬิกา President นั้นประกอบไปด้วยข้อต่อทั้งสามชิ้น ทรงครึ่งวงกลมที่ผลิตในปี 1956 สำหรับการเปิดตัวของนาฬิการุ่น Oyster Perpetual Day – Date แสดงถึงชิ้นงานที่ประณีตสูงสุด และสวมใส่สบาย คล่องตัว ทำด้วยโลหะล้ำค่า ซึ่งผ่านการคัดสรรด้วยความพิถีพิถัน
ทั้งนี้เจ้าตัว Day – Date นั้นสามารถออกแบบการแสดง ของวันได้ในหลากหลายภาษา ตามความต้องการ หรือประเทศของลูกค้า
คุณสมบัติเด่น
Day – Date นั้นจะวางจำหน่ายเฉพาะ รุ่นที่วัสดุทำจากทองคำ 18 กะรัต หรือแพลทินัม 950 Day – Date เป็นนาฬิกาข้อมือเรือนแรก ที่แสดงวันที่พร้อมกับวันของสัปดาห์ สะกดแบบเต็มคำ ในหน้าต่างบนหน้าปัด ซึ่งยังคงความเป็นนาฬิกาที่เหมาะสำหรับ ผู้ทรงอิทธิพลของโลกอีกด้วย
ตัวเรือนของ Oyster นั้นรับประกัน การกันน้ำที่มีความลึก 100 เมตร ( 330 ฟุต ) ตัวเรือนตรงกลาง สลักจากบล็อกแพลทินัม 950 หรือทองคำ 18 กะรัต ด้านหลังตัวเรือน ที่เสาะเป็นร่องแนวขนาน ถูกสกรูเจาะยึดด้วยเครื่องมือพิเศษเฉพาะของ Rolex
อีกหนึ่งส่วนประกอบหลัก ในโครงสร้างกันน้ำคือเม็ดมะยม ที่ติดตั้งมาพร้อมกับระบบกันน้ำ Twinlock สองชั้นที่ผ่านการจดสิทธิบัตร โดยเจาะยึดด้วยสกรูเข้ากับตัวเรือน ไว้อย่างแน่นหนา แซฟไฟร์คริสตัล ยึดติดแนบแน่น โดยขอบหน้าปัด ของตัวเรือน Oyster จะช่วยให้นาฬิกา Rolex มีความเที่ยงตรงพร้อมกับ การปกป้องสูงสุดทั้งจากน้ำ ฝุ่น แรงดัน และการกระแทกได้เป็นอย่างดี
ด้านในนาฬิกา กลไกออสซิลเลเตอร์นับเป็น ผู้พิทักษ์แห่งกาลเวลา หลังจากการค้นคว้าเป็นระยะเวลานานหลายปี Rolex สามารถผลิตแฮร์สปริง Parachrom สีฟ้าที่บางกว่าเส้นผมมนุษย์ ทำมาจากพาราแมกเนติกอัลลอย ที่มีภาวะเสถียรสูง ซึ่งทนต่อสนามแม่เหล็ก และทนทานต่อแรงสั่นสะเทือน ได้มากถึง 10 เท่า แต่เดิมนั้นสีฟ้า อันเป็นเอกลักษณ์ของแฮร์สปริง คือเครื่องหมายแห่งเกียรติภูมิ ที่สงวนไว้สำหรับเรือนเวลา ที่มีความเที่ยงตรงสูงสุดเท่านั้น
ด้วยความเที่ยงตรงยอดเยี่ยม ความน่าเชื่อถือ ทั้งยังสามารถอ่านเวลาได้ง่าย และการคงอยู่ของเรือนเวลาแห่งเกียรติภูมิ เป็นผลให้นาฬิการุ่นนี้ดำรงอยู่ ในสถานะของความเป็นเลิศที่ใคร ๆ หลาย ๆ คนก็ต่างหมายตากัน แม้เวลาจะล่วงเลยผ่านไป แต่ความทรงคุณค่าอันน่าจดจำก็ยังคงอยู่ต่อไปเช่นกัน
ขอขอคุณข้อมูลจาก
Rolex.com/TH
watchbyladda.com