Close sidebar

Rolexนาฬิกาสำหรับผู้พิชิตความลึก

เรื่องราวของ Rolex เริ่มต้นขึ้น เมื่อผู้ก่อตั้ง Hans Wilsdorf ได้สร้างสรรค์ นาฬิกา Oyster ที่มีคุณสมบัติ กันน้ำขึ้น เป็นเรือนแรก และพัฒนา เรือนเวลา อีกหลายประเภท ที่ได้กลายเป็น เอกลักษณ์ ของวงการผลิตนาฬิกา ในปัจจุบัน

 

ประวัติของ Rolex เกี่ยวกับนาฬิกาข้อมือกันน้ำ

 

ประวัติของ Rolex เชื่อมโยงกับ จิตวิญญาณ แห่งการจินตนากา รของ Hans Wilsdorf ผู้ก่อตั้ง อย่างแยกไม่ออก ในปี 1905 Hans Wilsdorf ชายอายุ 24 ปีได้ก่อตั้ง บริษัทขึ้น ในกรุงลอนดอน โดยเป็นบริษัท ที่เชี่ยวชาญด้านการจำหน่ายนาฬิกา ณ ตอนนั้น เขาก็เริ่มวาดฝัน ที่จะได้สวมใส่ นาฬิกาไว้บนข้อมือ ขณะนั้น นาฬิกาข้อมือ ไม่ได้เที่ยงตรงมากนัก แต่ Hans Wilsdorf ก็มองล่วงหน้า ว่านาฬิกาข้อมือ ไม่ควรมีเพียง ความหรูหราเท่านั้น แต่ต้องมีความเที่ยงตรงด้วย

 

เพื่อให้สาธารณชน เชื่อถือในนาฬิกา ที่เป็นนวัตกรรม อันยอดเยี่ยมของเขา เขาจึงประกอบ นาฬิกา ด้วยกลไกขนาดเล็ก ที่แม่นยำสูง ซึ่งผลิตโดย บริษัทผลิตนาฬิกา ของสวิสในเมืองเบียนน์

 

หนึ่งในความท้าทาย อันยิ่งใหญ่ที่ Hans Wilsdorf ต้องเผชิญก็คือ การค้นหา วิธีเพื่อปกป้อง นาฬิกาจากฝุ่น และความชื้น ซึ่งอาจทำ ให้เกิดการอุดตัน หรือเกิด ปฏิกิริยาออกซิเดชันได้ หากเล็ดรอดเข้าไป ด้านในตัวเรือน ในจดหมายปี 1914 เขาได้กล่าว ถึงความตั้งใจ ของตนเอง ถึงบริษัท Aegler ในเมืองเบียนน์ ซึ่งภายหลังได้กลายเป็น Manufacture desMontres Rolex S.A. ว่า “ เราจำเป็น ต้องหาทางผลิต นาฬิกาข้อมือกันน้ำให้ได้ ”

 

OYSTER คือนาฬิกาข้อมือกันน้ำเรือนแรกของโลก

 

ตัวเรือน OYSTER การปฏิวัติด้านดีไซน์

 

ตัวเรือน Oyster ที่ได้รับ การปิดผนึก สุญญากาศ อย่างสมบูรณ์แบบ ถือเป็นสัญลักษณ์ ของนาฬิกา Rolex ตัวเรือน ที่ได้รับการจดสิทธิบัตร ในปี 1926 นี้ประกอบด้วย ขอบหน้าปัด ตัวเรือนด้านหลัง และเม็ดมะยม ที่เจาะยึดด้วยสกรู เข้ากับตัวเรือน ตรงกลาง โดยชิ้นส่วนเหล่านี้ ได้รับการเปลี่ยนแปลง อย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับ ขีดความสามารถ ในการกันน้ำ ของนาฬิกา Rolex และเพื่อตอบสนอง ต่อความต้องการ ของนักดำน้ำ ไปพร้อมกับพัฒนา วัสดุและเทคนิค ในการดำน้ำ ซึ่งช่วยให้พวกเขา สามารถดำดิ่งลงไป ได้ลึกยิ่งกว่าเดิม

 

1. ขอบหน้าปัด Rolex ตัวเรือน Oyster

 

ขอบหน้าปัด บนตัวเรือน Oyster รุ่นดั้งเดิม จะได้รับการเซาะร่อง เพื่อให้สามารถ เจาะยึดด้วยสกรู เข้ากับตัวเรือนตรงกลาง ได้โดยใช้เครื่องมือ พิเศษของ Rolex เท่านั้น อีกทั้งโครงสร้าง ของตัวเรือน Oyster ยังได้รับการพัฒนา อย่างต่อเนื่องในปีต่อ ๆ  มา เพื่อทำให้ตัวเรือน มีความทนทาน และมีความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น การเปลี่ยนแปลง ทางเทคนิค ที่นำมาใช้กับตัวเรือน สามารถประกอบเข้ากับ ขอบหน้าปัด แบบหมุนได้ โดยเฉพาะบนนาฬิกาสำหรับนักดำน้ำ

 

2. ด้านหลังตัวเรือน Rolex ตัวเรือน Oyster

 

ด้านหลังตัวเรือน Oyster ได้รับการเซาะร่อง เพื่อให้สามารถ เจาะยึดเข้ากับ ตัวเรือนตรงกลาง ได้อย่างแน่นหนา ด้านหลังตัวเรือนของนาฬิกา สำหรับนักดำน้ำ ในปัจจุบันทำจาก Oystersteel หรือทองคำ 18 กะรัต โดยขึ้นอยู่กับรุ่น และเวอร์ชั่น ของนาฬิกา Rolex

 

3. เม็ดมะยมของ Rolex ตัวเรือน Oyster

 

เม็ดมะยม บนตัวเรือน Oyster รุ่นดั้งเดิม ได้รับการเจาะยึด ด้วยสกรู เข้ากับตัวเรือน ตรงกลาง และในปี 1953 Rolex ได้เปิดตัวเม็ดมะยม Twinlock ซึ่งมาพร้อมกับ ระบบซีลสองชั้น ที่ได้รับการจดสิทธิบัตร หลักการนี้ได้รับการพัฒนา ให้ก้าวล้ำ ขึ้นไปอีกขั้นในปี 1970 ด้วยเม็ดมะยม Triplock ที่ประกอบด้วย ส่วนปิดผนึกเพิ่มเติม เพื่อเสริมศักยภาพ ในการกันน้ำ ของนาฬิการุ่นต่าง ๆ ที่ได้รับการติดตั้ง เม็ดมะยมรุ่นนี้ โดยส่วนหนึ่งในนั้นเป็นนาฬิกา ที่ออกแบบ มาเฉพาะ สำหรับการดำน้ำ ของแบรนด์ Rolex

 

ตัวเรือน Oyster ของ Rolex ถือเป็นหัวใจสำคัญ ในหน้าประวัติศาสตร์ ของการผลิต นาฬิการ่วมสมัย สร้างสรรค์โดย Rolex ในปี 1926 นับเป็นเป็นตัวเรือนกันน้ำ สำหรับนาฬิกาข้อมือ ชิ้นแรกของโลกที่ Rolex ได้จดสิทธิบัตร ระบบการขันสกรูยึดขอบ ด้านหลังของตัวเรือน และเม็ดมะยม เข้ากับตัวเรือนตรงกลาง ตัวเรือนนาฬิกา ที่เปี่ยมด้วยความสง่างาม และได้สัดส่วน ที่สมบูรณ์แบบนี้ คือสัญลักษณ์ ของความทนทาน และการกันน้ำ นับเป็นการผสมผสาน รูปแบบและการทำงาน เข้าด้วยกันได้อย่างยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นรุ่นที่ทำจาก Oystersteel ทองคำ 18 กะรัต หรือแพลทินัม 950